หากมองดูบนโต๊ะ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเรานั้นมีหลากหลายอย่าง หลากหลายแบรนด์ รีวิวไหนว่าดีเราต้องมีด้วย รู้ตัวอีกทีก็มีเยอะจนใช้กันไม่ทันซะแล้ว เมื่อมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเยอะเกิน เพิ่มโอกาสที่สกินแคร์ของเราจะถูกลืมวางทิ้งไว้นานเกินไป ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอาจเสื่อมสภาพไปโดยเราไม่รู้ตัว วันนี้ pharmaread จะพามารู้จักลักษณะการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเรา และรู้วิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพื่อให้สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ตามอายุของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจริง ไม่เสื่อมภาพเร็วเกินควร
การเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เคมี หรือจุลชีววิทยาของผลิตภัณฑ์ ที่ทำให้สารออกฤทธิ์หมดประสิทธิภาพ ลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนไป เช่น สี กลิ่น หรือเนื้อสัมผัส ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อผิวหนัง เช่น การระคายเคือง ผื่น หรือการติดเชื้อ ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้ประเภทการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเรากันก่อน โดยจะแบ่งเป็น 3 แบบใหญ่คือ การเสื่อมสภาพทางกายภาพ การเสื่อมสภาพทางเคมี และการเสื่อมสภาพเนื่องจากการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
- การเสื่อมสภาพทางกายภาพ คือ การที่ลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปจากเดิม อันเนื่องมาจากอายุของผลิตภัณฑ์หรือปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน โดยลักษณะที่พบเจอเป็นดังนี้

ภาพตัวอย่าง


2. การเสื่อมสภาพทางเคมี คือการเปลี่ยนแปลงในระดับโมเลกุลของส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้สารออกฤทธิ์ (active ingredients) สูญเสียประสิทธิภาพ หรือกลายเป็นสารใหม่ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออันตรายต่อผิวหนังได้ เช่น
- การเกิดไฮโดรไลซีส (Hydrolysis) เป็นการแตกสลายของสารออกฤทธิ์เมื่อสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น ทำให้สารออกฤทธิ์บางชนิดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- การเกิดออกซิเดชัน (Oxidation) สารบางชนิด เช่น วิตามินซีหรือเรตินอลเสื่อมสภาพเร็วเมื่อโดนความร้อนหรือแสง ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพและเปลี่ยนสีหรือกลิ่น
- ค่า pH เปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ต้องคงสภาพกรด-ด่าง เช่น AHA, BHA, หรือเรตินอล

3. การปนเปื้อนของจุลินทรีย์ จำพวกแบคทีเรีย รา หรือยีสต์ มันสามารถเจริญเติบโตภายในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านกายภาพ และเคมี อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นเปรี้ยว/เน่า มีตะกอน หรือคราบรา ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ส่งเสียต่อผิวหนังและสุขภาพได้ มักเกิดจากการสัมผัสเนื้อผลิตภัณฑ์ด้วยนิ้วมือที่ไม่สะอาดจะนำเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ ทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เปิดใช้แล้วนานเกินไป หรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี

แม้ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเหล่านี้จะผ่านการพัฒนาและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังสามารถเกิดการเสื่อมสภาพได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากแสงแดด อุณหภูมิที่สูงเกินไป ความชื้น รวมถึงลักษณะของบรรจุภัณฑ์ด้วย ดังนั้นควรเก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในสภาวะที่ผู้ผลิตกำหนด โดยสามารถดูได้จากข้างบรรจุภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น เจลแต้มสิวฟาร์มูล่า ควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง คือ ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ไม่ควรเก็บในที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป (ดังภาพแนบ)


นอกจากนี้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิดยังเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเสื่อมสภาพด้วย โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสารเหล่านี้ผสมอยู่ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นได้หลังเปิดใช้ เช่น
- สารออกฤทธิ์ที่ไวต่ออากาศและความร้อน เช่น วิตามินซี (Vitamin C), เรตินอล (Retinol) ซึ่งจะเสื่อมสภาพเร็วเมื่อสัมผัสกับอากาศ ความร้อน หรือแสง
- ส่วนผสมที่มีน้ำเป็นหลัก เพราะน้ำเป็นแหล่งที่เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเติบโตได้ดี ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมหลักเสื่อมเร็วกว่าแบบน้ำมัน (oil-based)
- สารกันเสียที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีสารกันเสีย ทำให้เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราสามารถเติบโตในเนื้อผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้สกินแคร์เสื่อมเร็ว
- น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ไฮโดรควิโนน ฟอร์มาลดีไฮด์ และอ็อกซีเบนโซน ซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์เร็วขึ้น
จากการเสื่อมสภาพทางกายภาพประเภทต่าง ๆ ที่ได้พูดถึงไปแล้วนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภทใด มีลักษณะการเสื่อมสภาพเป็นอย่างไร โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดการเปลี่ยนสภาพไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ตามส่วนประกอบที่ผสมอยู่ โดยจะแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ ผลิตภัณฑ์สูตรน้ำ ผลิตภัณฑ์สูตรเนื้อหนืด และผลิตภัณฑ์สูตรเนื้อครีม เมื่อเรารู้ลักษณะการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแต่ละประเภทแล้ว เราจะได้เฝ้าระวังได้ตรงจุด

อายุการใช้งานทั่วไปของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลังเปิดใช้
อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์ แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับส่วนผสม บรรจุภัณฑ์ และการเก็บรักษา โดยจะแบ่งวิธีจำง่าย ๆ ตามประเภทของผลิตภัณฑ์ ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์สูตรน้ำ จำพวกคลีนซิ่งวอเตอร์, โทนเนอร์, โลชั่น, เอสเซ้นส์สูตรบางเบา อายุการใช้งานทั่วไปเฉลี่ยประมาณ 1 ปี เนื่องจากเสี่ยงต่อการปนเปื้อนง่าย เพราะมีน้ำเป็นหลัก และมักไม่มีน้ำมันช่วยปกป้อง
- ผลิตภัณฑ์สูตรเนื้อหนืด เช่น เซรั่ม, อิมัลชั่น, แอมพูล, เอสเซ้นส์เข้มข้น อายุการใช้งานทั่วไปประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เนื่องจากค่อนข้างเสถียรขึ้นเล็กน้อย แต่ควรเก็บในที่เย็น ห่างจากแสง
- ผลิตภัณฑ์สูตรเนื้อครีม เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์, ครีมกันแดด, ไนท์ครีม อายุการใช้งานทั่วไปประมาณ 1 – 2 ปี เนื่องจากเนื้อครีมมักมีสารกันเสียมากขึ้น แต่ก็ยังเสื่อมได้หากเก็บไม่ดี

เคล็ดลับป้องกันผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเสื่อมเร็ว
- การเก็บรักษา: ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง แห้ง และห่างจากแสงแดด เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้
- การปนเปื้อน: ไม่ควรใช้มือสัมผัสผลิตภัณฑ์โดยตรงจากกระปุก ใช้ไม้พายหรือช้อนตัก แทนการใช้นิ้วมือ
- สัญลักษณ์ PAO: ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์ Period After Opening (PAO) เช่น 6M หมายถึงใช้ได้ 6 เดือนหลังเปิดใช้ หรือ 12M หมายถึง 1 ปี โดยให้เขียนวันที่เปิดใช้ไว้บนหลอดหรือกระปุก ไม่ควรใช้ไปนานเกินช่วง PAO หรือวันหมดอายุ
- บรรจุภัณฑ์: บรรจุภัณฑ์แบบปั๊มสุญญากาศหรือขวดทึบแสงช่วยป้องกันอากาศและแสง ช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
การเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ทั้งสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้องกัน และดูแลผลิตภัณฑ์ให้คงคุณภาพได้นานที่สุด พร้อมทั้งลดความเสี่ยงต่อปัญหาผิวหนังที่อาจเกิดจากผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพ การเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เช่น เก็บในที่เย็น แห้ง หลีกเลี่ยงแสง และไม่เปิดฝาทิ้งไว้นาน รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว