ยารักษาสิวมีหลายแบบหลายชนิด มีทั้งแบบรับประทาน หรือแบบใช้ภายนอก หากพูดถึงยารักษาสิวแบบที่เป็นยาทาเฉพาะจุดที่เรารู้จักกัน มักจะได้ยินชื่อกลุ่มเรตินอยด์ (retinoids) หรืออนุพันธุ์ของวิตามินเอ ที่มีใช้กันในปัจจุบันมีเพียงสามรุ่นเท่านั้น มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้ดี ลดริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ แต่ผลข้างเคียงเด่น ๆ เมื่อนึกถึงยากลุ่มนี้ คือการระคายเคืองผิว มีผิวหนังแห้ง เพื่อลดผลข้างเคียงของผิวแห้งลอกของยารุ่นแรก ๆ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ยาสามารถรักษาสิวได้รวดเร็วขึ้น ยั่งยืน และเฉพาะจุดมากขึ้น จึงเกิดการพัฒนาเป็นยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์ รุ่นที่สี่ วันนี้ Pharmaread จะมาแนะนำให้รู้จักกับยารักษาสิวตัวใหม่ ที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าสามารถรักษาสิวได้ดี และมีผลข้างเคียงน้อยกันค่า
” สิว ” มีกี่แบบกันนะ ?
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับสิวตัวร้ายกันก่อนนะคะ สิว หรือ Acne vulgaris เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้บ่อยในวัยรุ่น เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และการอักเสบของต่อมไขมัน มีลักษณะหลายประเภท แบ่งเป็น
- คอเมโดน (Comedones) สิวหัวดำที่เป็นสิวหัวเปิด สิวหัวขาวที่เป็นสิวหัวปิด
- ตุ่มแดง (Papules) เป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่ยกขึ้นจากผิวหนัง มักจะมีสีแดง และรู้สึกเจ็บหรือระคายเคือง
- สิวหนอง (Pustules) สิวอักเสบ เป็นตุ่มแดง ที่มีหนองสีขาวอยู่ตรงกลาง
- ก้อนสิว (nodule) สิวที่อยู่ลึกลงไปในผิวหนัง มักจะเจ็บปวดและสามารถทำให้เกิดแผลเป็นได้
- ซีสต์ (cystic acne) เป็นสิวก้อนใหญ่ที่มีการอักเสบลึกลงไปในผิวหนัง ซีสต์มักมีหนองและสามารถทำให้เกิดแผลเป็นได้ หรือสิวหัวช้าง
โดยสิวมักจะเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หลัง และหน้าอก การรักษาที่ทำได้ง่าย คือการใช้ยาทาภายนอก ทารักษาสิวเฉพาะที่ เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide), กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) และเรตินอยด์ (retinoids) หรือสำหรับกรณีที่เป็นสิวที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง แพทย์ผิวหนังอาจสั่งยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน หรือการรักษาด้วยฮอร์โมน (เช่น ยาคุมกำเนิด) หรือมีการใช้ยา isotretinoin ร่วมด้วย
ยารักษาสิวที่คุ้นเคย
เมื่อเรานึกถึงยารักษาสิว ยาที่แพทย์มักแนะนำจะเป็นกลุ่มเรตินอยด์ โดยที่มักเป็นที่รู้จักตัวแรกคือ เตรทติโนอิน (Tretinoin) เป็นเรตินอยด์ทาผิวชนิดแรก ใช้รักษาสิวและลดริ้วรอย ที่ยังมีการใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ระคายเคืองต่อผิวได้สูง ต่อมารุ่นที่สองคือ อะซิเตรทติน (Acitretin) จะเป็นยาแบบรับประทานใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนัง เช่นโรคสะเก็ดเงิน เรตินอยด์รุ่นสาม อะดาพาลีน (Adapalene) ที่เป็นที่นิยมในการรักษาสิว มีอาการระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่า และปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่รวดเร็วขึ้น และผลข้างเคียงที่น้อยลง มาสู่ยารักษาสิวกลุ่มเรตินอยด์รุ่นที่สี่ Trifarotene
” Trifarotene ” ยารักษาสิวตัวใหม่
Trifarotene เป็นเรตินอยด์รุ่นที่สี่ชนิดใหม่ ใช้สำหรับการรักษาสิวอุตันและสิวอักเสบ มีความโดดเด่นในกลุ่มเรตินอยด์เนื่องจากได้รับการออกแบบให้มีความเฉพาะเจาะจงต่อตัวรับกรดเรติโนอิก (retinoic acid receptor, RAR)-γ ที่พบมากที่สุดในผิวหนัง แตกต่างจากเรตินอยด์ทาผิวชนิดอื่น ๆ ที่มีจับกับตัวรับหลายชนิด การกระตุ้นตัวรับ RAR-γ จะช่วยเปลี่ยนแปลงยีนที่มีบทบาทในกระบวนการลดการอุดตันของรูขุมขน (comedolytic process) ลดการอักเสบ และลดการเกิดรอยแผลเป็นหลังสิวได้ การเลือกกระตุ้นเฉพาะ RAR-γ ของ Trifarotene ทำให้มีลักษณะเด่นที่ช่วยลดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา มีความทนต่อผลข้างเคียงดีกว่าเรตินอยด์ตัวเก่า ที่มีจับกับตัวรับหลายชนิด ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นตัวรับ RAR-β เช่น การลอกของผิวหนัง, ผื่นแดง, และการบวมของผิวหนัง ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับเรตินอยด์รุ่นก่อน ๆ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ Trifarotene ถูกออกแบบมาให้ออกฤทธิ์เน้น ๆ ที่ผิวหนังโดยเฉพาะ
Trifarotene ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในรูปแบบของครีม ที่มีความเข้มข้น 0.005% ใช้สำหรับทาวันละ 1 ครั้ง ในช่วงเย็น สามารถทาได้ทั้งบริเวณใบหน้า คอและลำตัว อนุมัติใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 9 ปีขึ้นไป ตามการศึกษาทางคลินิกที่สนับสนุนประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยาจำนวน 2 การศึกษา ที่มีผู้เข้าร่วมรวม 2,420 คน โดยลักษณะผู้เข้าร่วมจะเป็นสิวปานกลางถึงรุนแรงบริเวณใบหน้า และลำตัวร่วมด้วย แบ่งเป็นกลุ่มทายา 1,214 คน และทาครีมที่ไม่มีตัวยา 1,206 คน ให้ทายาบริเวณที่เป็นสิว วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์พบว่า Trifarotene ช่วยลดจำนวนสิวอักเสบ และไม่อักเสบบนใบหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญภายใน 2 สัปดาห์ และบริเวณลำตัวภายใน 4 สัปดาห์ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ทาครีมที่ไม่มีตัวยา (Tan J. et al., 2019)
ผลข้างเคียงที่พบจากการศึกษา จะพบได้บ่อยที่สุดตรงบริเวณที่ทายา (≥1%) มีการเปลี่ยนแปลงของสีผิวเป็นผื่นแดง (Erythema) มีการลอกของผิวหนัง (Scaling) ผิวขาดความชุ่มชื้น (Dryness) มีอาการแสบหรือไหม้แดด (Stinging/Burning) รวมถึงการระคายเคืองที่ผิวหนัง และอาการคัน ผลข้างเคียงจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับอ่อนถึงปานกลาง มีเพียงบางรายที่มีอาการรุนแรง การใช้ยาบริเวณลำตัวสามารถทนผลข้างเคียงได้มากกว่าบนใบหน้า ซึ่งผลข้างเคียงสามารถจัดการได้ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือการปรับขนาดยา และความถี่ในการใช้
” Trifarotene ” ใช้ร่วมกับอะไรได้บ้าง ?
หลังจากได้รู้ข้อมูลที่มาที่ไป และประสิทธิภาพของยา Trifarotene กันแล้ว เรามาแนะนำการใช้ยาที่เหมาะสม เราสามารถใช้ยา Trifarotene ร่วมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ ได้ เพื่อร่วมกันดูแลผิวให้สวยใส สารที่สามารถใช้ร่วมกันได้คือ
- มอยส์เจอไรเซอร์และสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งจะช่วยลดความแห้งกร้านและการระคายเคืองที่อาจเกิดจากเรตินอยด์
- ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ส่วนผสมนี้สามารถใช้ร่วมกันได้และมีประโยชน์เพิ่มเติม ในการช่วยบรรเทาผิวและการปรับปรุงการทำงานของเกราะผิว โดยทางผลิตภัณฑ์ของทาง Pharmular เอง ก็มีส่วนผสมของ Niacinamide ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผิว (https://s.shopee.co.th/8UpFdrom0Y)
- ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C (แอสคอร์บิกแอซิด) ก็สามารถใช้ได้ แต่แนะนำให้ทาในเวลาต่างกัน (เช่น วิตามิน C ตอนเช้า, Trifarotene ตอนกลางคืน) เพื่อลดการระคายเคือง
- ครีมกันแดด การใช้ Trifarotene ร่วมกับครีมกันแดด เป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจาก Trifarotene สามารถทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงแดดและการระคายเคืองมากขึ้น การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจะสามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากรังสี UV ได้
ข้อควรระวังของยา Trifarotene
ผลิตภัณฑ์ที่ควรระวังในการใช้ร่วมกับยา Trifarotene คือ ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHAs), กรดเบตาไฮดรอกซี (BHAs), ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Azelaic Acid หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ เนื่องจากมีกลไกช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหนัง ลดการอุดตันของรูขุมขน และการลดเลือนริ้วรอย แต่สามารถทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้นได้ การใช้ร่วมกันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มความไวต่อแสงแดดมากขึ้น
ยา Trifarotene ใช้ตอนไหนดี
แนะนำให้ทา Trifarotene ในช่วงเย็น การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลาที่ผิวหนังมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการรักษาด้วยเรตินอยด์
ตอนเช้า: ทำความสะอาดผิว, ทาครีมกันแดด, และอาจใช้สารต้านอนุมูลอิสระได้
ตอนเย็น: ทำความสะอาดผิว, ทา Trifarotene, และมอยส์เจอไรเซอร์
รู้จักยา ” Trifarotene “
Trifarotene เป็นความก้าวหน้าของยารักษาสิว ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ที่มีความเฉพาะเจาะจง ส่งผลดีทั้งด้านประสิทธิภาพในการรักษาสิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ลดสิวอักเสบทั้งที่บริเวณใบหน้าและลำตัว และส่งผลดีด้านความปลอดภัย ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่ากลุ่มเรตินอยด์ตัวอื่น มีการใช้งานที่สะดวก ทาวันละ 1 ครั้ง โดยแนะนำเป็นช่วงเย็น การใช้ Trifarotene ร่วมผลิตภัณฑ์อื่น เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) และครีมกันแดดไม่เพียงแค่ปลอดภัย แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องผิวจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากแสงแดดระหว่างการรักษา หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ Trifarotene หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม
สรุปสำคัญ
ยา Trifarotene เหมาะสำหรับสิวอุดตัน (สิวหัวขาวและสิวหัวดำ) ตุ่มนูน และตุ่มหนองจำนวนมาก บริเวรใบหน้า และลำตัว ไม่ควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวลอก อาจเกิดการระคายเคือง สามารถใช้ร่วมกับมอยส์เจอไรเซอร์ สารเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว และอย่าลืมครีมกันแดด ปัจจุบันมีการนำเข้ายา Trifarotene มาใช้ในประเทศไทยแล้ว แต่ยังเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
อ้างอิงจาก:
- Scott LJ. Trifarotene: First Approval. Drugs. 2019 Nov;79(17):1905-1909. doi: 10.1007/s40265-019-01218-6. PMID: 31713811.
- Snarskaya E.S., Olisova O.Y., Bratkovskaya A.V., Karlovskaya E.D., Ryabihina Y.O. Trifarotene: a new chapter in the treatment of acne. An overview of the data on efficacy and safety profile of a fourth-generation retinoid // Russian Journal of Skin and Venereal Diseases. – 2024. – Vol. 27. – N. 2. – P. 219-230. doi: 17816/dv629838
- Tan J., Thiboutot D., Popp G., et al. Randomized phase 3 evaluation of trifarotene 50 μg/g cream treatment of moderate facial and truncal acne. Journal of the American Academy of Dermatology. 2019;80(6):1691–1699. doi: 10.1016/j.jaad.2019.02.044.
- Naik PP. Trifarotene: A Novel Therapeutic Option for Acne. Dermatol Res Pract. 2022 May 27; 2022: 1504303. doi: 10.1155/2022/1504303. PMID: 35668721; PMCID: PMC9166940.
- DeRuiter J., Holston P. L. Trifarotene (Aklief, Galderma). 2020;45(10):26–33.
- Thiboutot D.M. et al. Practical management of acne for clinicians: an international consensus from Global Alliance to improve outcomes in acne. J Am Acad Dermatol. 2018 Feb;78(2 Suppl 1):S1-S23.
- Aklief (trifarotene) cream, for topical use. Highlights of prescribing information. Reference ID: 4501723, revised: 10/2019. https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2019/211527s000lbl.pdf