สิว ถือเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลให้ใครหลายคน เพราะสิวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงช่วงวัยรุ่น แต่ยังสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย คนเป็นสิวจึงมักจะสงสัยว่าสิวเกิดจากอะไร และเพราะอะไรการรักษาสิวจึงเป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งสิวแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในทั้งด้านลักษณะและระดับความรุนแรง บางชนิดอาจเป็นสิวอุดตันเล็ก ๆ ส่วนบางชนิดอาจพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบที่ทิ้งร่องรอยไว้บนผิว สิวจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากกว่าที่หลายคนคิด วันนี้พี่เภสัชจะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของสิวกันค่ะ
KEY TAKEAWAY
- สิวไม่ใช่เรื่องแปลกและมีหลากหลายชนิด ตั้งแต่สิวไม่อักเสบอย่าง สิวหัวขาวไปจนถึงสิว อักเสบรุนแรงอย่างสิวซีสต์
- สาเหตุของการเกิดสิวมาจากหลายปัจจัย ทั้งฮอร์โมน พันธุกรรม และพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง
- การดูแลปัญหาสิวสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิวอย่าง เจลแต้มสิว หรือการปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลที่เหมาะสมที่สุด
สิว (Acne) คืออะไร?
สิว (Acne) คือปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหน้าและตามลำตัว ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการผลิตน้ำมันส่วนเกินร่วมกับการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดการก่อตัวของสิวขึ้นมา ซึ่งสิวสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบค่ะ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าสิวไขมันมาบ้าง นั่นก็เพราะว่าสิวเกิดจากไขมันที่ผลิตจากต่อมไขมันในรูขุมขน หากมีการผลิตมากเกินไปก็จะทำให้เกิดการอุดตันและกลายเป็นสิวนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ สิวยังสามารถพัฒนาไปเป็น สิวหัวขาว หรือ สิวอักเสบที่มีอาการบวมแดงตามมาได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ปัญหาสิวก็จะลุกลามและอาจทิ้งรอยสิวไว้ได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นสิวที่หลัง หรือสิวบริเวณอื่น ๆ ก็ต้องดูแลอย่างเหมาะสมค่ะ
สิวมีกี่ชนิด และต่างกันยังไง
สิวเป็นปัญหาผิวที่มีหลายลักษณะ ไม่ได้มีเพียงแบบเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามอาการ คือ สิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ ซึ่งเป็นประเภทของสิวที่พบได้บ่อยที่สุด โดยรายละเอียดของสิวแต่ละชนิด มีดังนี้
สิวไม่อักเสบ
สิวไม่อักเสบหรือสิวอุดตัน จัดเป็นประเภทของสิวที่มักจะเริ่มต้นจากการอุดตันเล็ก ๆ ในรูขุมขน โดยยังไม่มีการอักเสบร่วม สิวลักษณะนี้มักจะพบเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่บางครั้งสังเกตเห็นยาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ค่ะ
- สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads) สิวชนิดนี้เป็นสิวใต้ผิวหนัง ที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวที่ไม่มีหัวเปิดออกมาด้านนอก ทำให้มองเห็นเป็นก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง เกิดจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบในภายหลังได้
- สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นจุดสีดำ ๆ เกิดจากการที่ไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนทำปฏิกิริยากับอากาศภายนอกจนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ทำให้เห็นเป็นหัวสิวสีดำได้อย่างชัดเจน สิวชนิดนี้เป็นสิวที่พบบ่อยและมักไม่อักเสบหากไม่มีปัจจัยอื่น ๆ มากระตุ้น
สิวอักเสบ
เป็นสิวที่มีอาการอักเสบเกิดขึ้นแล้ว โดยมักจะเกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และอาจมีหนองร่วมด้วย สิวประเภทนี้มักจะทิ้งรอยสิวไว้ให้หลังจากสิวหายแล้ว
- สิวตุ่มแดงหรือสิวอักเสบ (Papules) สิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีแดง บวม และไม่มีหัวหนอง สิว อักเสบชนิดนี้เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันจนเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบขึ้น
- สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงและมีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ภายใน เกิดจากการที่ร่างกายส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวจนเกิดเป็นหนองขึ้นมา
- สิวซีสต์และสิวหัวช้าง (Nodules & Cysts) เป็นประเภทของสิวที่มีการอักเสบรุนแรงและอยู่ลึกใต้ชั้นผิวหนัง สิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนไตแข็งขนาดใหญ่ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมาก และมีโอกาสสูงที่จะทิ้งรอยสิว หรือหลุมสิวไว้หลังจากหายแล้ว การดูแลสิวประเภทนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
สิวเกิดขึ้นที่บริเวณใดได้บ้าง?
- ใบหน้า เช่น หน้าผาก จมูก คาง เป็นบริเวณที่พบสิวบ่อยที่สุด เพราะต่อมน้ำมันเยอะเพราะมีการผลิตน้ำมันมากและสัมผัสสิ่งสกปรกง่ายจนทำให้หน้าเป็นสิวได้ง่าย ในส่วนของแก้มพบรองลงมา เพราะมักผิวแห้ง
- หน้าอก สิวมักขึ้นได้เพราะเหงื่อ ความอับชื้น และการเสียดสีของเสื้อผ้า
- ไหล่ และช่วงต้นแขน บางครั้งสิวเกิดจากการอุดตันของเหงื่อและไขมันสะสม
- หลังส่วนบน หรือที่หลายคนเรียกว่าสิวที่หลัง เป็นจุดที่พบบ่อยจากความมันและเหงื่อสะสม หากไม่ดูแลอาจทิ้งรอยสิวได้ง่าย
- บริเวณต่อมไขมันอื่น ๆ เช่น กรามหรือศีรษะก็อาจพบสิวขึ้นหัวได้เช่นกันค่ะ
สิวเกิดจากสาเหตุใด?
การเกิดสิวเป็นผลจากหลายปัจจัยที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการสะสมของน้ำมัน เซลล์ผิว หรือแบคทีเรียใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ หัวขาว หรือสิวใต้ผิวหนัง โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวมี 4 หัวข้อ ดังนี้ค่ะ
- การผลิตน้ำมันส่วนเกิน เมื่อต่อมไขมันในรูขุมขนผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากเกินไป น้ำมันเหล่านี้จะผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน จนกลายเป็นสิว อุดตัน หรืออาจจะเห็นเป็น สิวเม็ดเล็ก ๆ ที่เราคุ้นเคยกัน หากสาวๆ สังเกตในช่วงประจำเดือนจะหน้ามันเป็นสาวง่าย เพราะฮอร์โมนของเราที่เหวี่ยงในช่วงนั้นทำให้เกิดขึ้นมาได้นั่นเองค่ะ
- การสะสมของแบคทีเรีย บนผิวของเรามีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า C. acnes หรือเรียกสั้นๆว่า เชื้อก่อสิวนั้นเองค่ะ อาศัยอยู่ตามธรรมชาติซึ่งเจ้าแบคทีเรียตัวนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในรูขุมขนที่อุดตันและมีไขมันสะสมอยู่มาก เมื่อมีจำนวนมากเกินไปก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นใต้ผิวหนังและพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ
- การผลัดเซลล์ผิวไม่ทัน โดยปกติผิวของเราจะมีกระบวนการในการผลัดเซลล์ผิวอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เซลล์ผิวทับถมกันมากไปและเกิดสิวอุดตัน แต่หากช่วงไหนที่ฮอร์โมนหรือร่างกายผิดปกติ อาจทำให้กระบวนการดังกล่าวช้าลง เซลล์ผิวทับถมและเกิดการอุดตันได้
- ผิวอักเสบ ผิวอักเสบเป็นอีก 1 สาเหตุ ที่พบได้มากเลยทีเดียว บางคนผิวแพ้ง่าย เจอมลภาวะฝุ่นควันก็ทำให้ผิวอักเสบได้ บางคนใช้สครับมากเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว ก็ก่อให้เกิดการอักเสบ และก่อสิวตามมาได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ทำให้ก่อเกิดสิว
นอกจากสาเหตุหลักของการเกิดสิวแล้ว ยังมีปัจจัยในชีวิตประจำวันที่อาจกระตุ้นให้สิวขึ้นง่ายขึ้น หรือทำให้อาการของสิวที่เป็นอยู่แย่ลงได้ค่ะ มาดูกันว่าปัจจัยที่ส่งผลให้สิวขึ้นง่าย หรือกระตุ้นให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง
- ความเครียด เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นจนเกิดการอุดตันและกลายเป็นสิวในที่สุด ดังนั้นการจัดการกับความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสิวมากไปกว่าเดิมค่ะ
- แสงแดดและมลภาวะ การเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะเป็นประจำก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว ได้ง่ายขึ้น เพราะแสงแดดอาจทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่หายไป และมลภาวะในอากาศก็สามารถสะสมอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดผิวหน้าไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้นค่ะ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิว โดยเฉพาะ เช่น การใช้โทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- พฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง การรบกวนผิวหน้าบ่อย ๆ เช่น การบีบแกะสิว หรือการล้างหน้าแรงเกินไป สามารถทำให้อาการของสิวรุนแรงขึ้นได้ และยังเป็นการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลต่อประเภทสิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
วิธีรักษาสิวเลือกวิธีไหนดี ช่วยให้สิวยุบลง
สำหรับน้อง ๆ ที่มีปัญหาสิวพี่เภสัชจะมาแนะนำวิธีการดูแลสิวด้วยกันหลากหลายวิธี ซึ่งการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับประเภทของสิวที่เราเป็นอยู่ จะช่วยให้ปัญหาสิวดูดีขึ้นได้ค่ะ
ยารักษาสิวชนิดใช้ภายนอก (Topical medications)
ยารักษาสิวชนิดใช้ภายนอกจะประกอบด้วยตัวยาที่ช่วยรักษาสิวและลดเลือนริ้วรอยที่อาจเกิดเป็นสิวซ้ำได้อีก เช่น กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว สำหรับคนเป็นสิวที่มีปัญหาสิวไม่รุนแรง เช่น สิวเม็ดเล็ก ๆ หรือสิวอุดตัน สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดทาภายนอก เพื่อดูแลปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด โดยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลอาการของสิวและช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นค่ะ
- เจลแต้มสิว เป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์การดูแลปัญหาสิวทุกชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เจลแต้มสิว จาก Pharmular ที่สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวผด สิวเสี้ยน หรือ สิวหัวช้าง และยังช่วยลดโอกาสการเกิดรอยสิวได้ด้วย เนื้อเจลเข้มข้นแต่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและไม่ทำให้หน้าไวต่อแสง สามารถแต้มทับเครื่องสำอางได้เลยค่ะ
- เจลล้างหน้า การเริ่มต้นที่การทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้เจลล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับผิวเป็นสิว จะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและลดโอกาสในการเกิด สิว ใหม่ ๆ ได้ค่ะ
- มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมันก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน โดยอาจดูตามสภาพผิวเป็นหลัก
ยารักษาสิวชนิดรับประทาน (Oral medications)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ยาประเภทนี้จะช่วยดูแลปัญหาสิว โดยการลดจำนวนแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและลดการอักเสบ ซึ่งแพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมกับชนิดทาภายนอกสำหรับสิวที่มีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
- ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A (Retinoids) เป็นยาที่ช่วยดูแลปัญหาสิวด้วยการช่วยผลัดเซลล์ผิวและเปิดรูขุมขน เพื่อให้ยาชนิดอื่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ และช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้ด้วยค่ะ
- ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral contraceptives) ในผู้หญิงที่เป็นสิวบางราย แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวค่ะ
ป้องกันการเกิดสิวด้วยวิธีใดเวิร์กสุด
การป้องกันสิวเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยให้น้อง ๆ ลดโอกาสที่สิวขึ้นที่ใบหน้า สิวขึ้นหัว หรือบริเวณอื่น ๆ โดยวิธีการป้องกันด้วยตัวเอง สามารถทำตามได้ด้วยวิธีเหล่านี้ จำไว้ง่ายๆ ว่า ใช้ให้ครบ CTMP ค่ะ
- C คือ Cleanser ล้างหน้าและผิวกายอย่างสม่ำเสมอ ให้สะอาด แต่เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอ่อนโยน เช่น สบู่ลดสิวที่หลัง หรือเจลล้างหน้า ที่เหมาะกับผิวเป็นสิว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน
- T คือ Treatment เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับปัญหาผิวของเราได้เลย หากเป็นสิว ใช้เจลแต้มสิว หากเป็นรอย ใช้ครีมแต้มรอย เป็นต้นค่ะ
- M คือ Moisturizer เลือกใช้ครีมบำรุงมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว หากผิวมันหรือผิวผสม ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน แต่หากผิวแห้ง เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแห้งได้ค่ะ
- P คือ Photo Protection หรือครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวเป็นสิว เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขนและมีความอ่อนโยนต่อผิว การทาครีมกันแดดทุกวันช่วยป้องกันการระคายเคืองและรอยจากสิว
- ดูแลร่างกายให้สมดุล การนอนหลับเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดความเครียด ช่วยลดการเกิดสิวและป้องกัน ประเภทของสิวอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าโดยไม่จำเป็น การจับหน้า หรือแกะ สิว ด้วยมือสกปรกอาจทำให้สิวและเกิดการอักเสบ
- ควบคุมอาหารและพฤติกรรมการกิน ลดอาหารหวาน มัน และแปรรูป เพื่อป้องกันการเกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ และประเภทของสิวอุดตัน
- ดูแลรอยสิวอย่างถูกวิธี หากมีรอยจากสิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง ครีมลดรอยสิวช่วยให้รอยจางลงโดยไม่ทำให้เกิด สิว ซ้ำ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เรื่องเกี่ยวกับสิว
สิวมีกี่ประเภทและแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร?
สิวสามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ สิวไม่อักเสบและ สิวอักเสบค่ะ สิวไม่อักเสบมักจะมีลักษณะเป็น สิวอุดตัน หรือ สิวเม็ดเล็ก ๆ ส่วนสิวอักเสบจะมีอาการบวมแดงและอาจมีหนอง ซึ่งประเภทของสิวที่แตกต่างกันก็ต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกันค่ะ
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ สิวจะหายเองได้หรือไม่?
สิวบางชนิด เช่น สิวที่ไม่รุนแรงมากนักอาจจะหายไปได้เอง แต่สำหรับสิวอักเสบหรือ สิวที่เป็นซ้ำ ๆ การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและทิ้ง รอยสิว ไว้ได้ ดังนั้นหากเป็นสิวควรดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ
การล้างหน้าบ่อย ๆ จะช่วยให้สิวหายจริงไหม?
การล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ได้ช่วยให้สิวหาย แต่กลับจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นและอาจทำให้อาการของสิวแย่ลงไปอีกค่ะ ควรล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ
จัดการสิวอย่างอ่อนโยนด้วย Pharmular Acne Cycle Clear Spot Gel
ปัญหาสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับหลายคน การทำความเข้าใจสาเหตุและประเภทของสิว จะช่วยให้เราดูแลผิวได้อย่างถูกต้อง การเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความกังวลใจเรื่องของสิว และช่วยให้ผิวดูดีขึ้นได้ค่ะ
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังมองหาวิธีจัดการสิวอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ พี่เภสัชแนะนำเจลแต้มสิว Pharmular Acne Cycle Clear Spot Gel ซึ่งเหมาะกับประเภทของสิวทุกชนิด ใช้ได้ทั้งสิวอักเสบและ สิวเม็ดเล็ก ๆ พร้อมช่วยลดโอกาสทิ้งรอย สิว และสามารถใช้คู่กับ ครีมลดรอยสิว เพื่อฟื้นฟูผิวให้น้อง ๆ เรียบเนียน สำหรับน้องที่สนใจเจลแต้มสิว หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถาม สั่งซื้อ หรือปรึกษาพี่เภสัชกร ได้ฟรีที่
- ID LINE @pharmular หรือคลิก https://lin.ee/zel6CCE ได้เลยค่า